การตั้งชื่อ – ชื่อสกุล
การตั้งชื่อ – ชื่อสกุล
“ชื่อตัว”
และ “ชื่อสกุล” เป็นเครื่องกำหนดให้รู้ว่าบุคคลนั้นคือใคร มีภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน
และมีสถานะเป็นชายหรือหญิง เป็นผู้เยาว์หรือบรรลุนิติภาวะ
เป็นโสดหรือมีคู่สมรสแล้ว เป็นต้น ชื่อบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ดังปรากฏในพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ.2505 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่2 พ.ศ.2530) ที่กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับชื่อบุคคลไว้โดยเฉพาะ
ชื่อ คือ สิ่งที่แสดงให้ทราบว่าเป็นผู้ใด
และปกติชื่อจะแสดงให้ทราบถึงเพศ ผู้เป็นเจ้าของชื่ออีกด้วย บุคคลหนึ่งอาจมีชื่อได้
3 ชนิด กล่าวคือ
1. ชื่อตัว หมายความว่า ชื่อประจำบุคคลแต่ละคน
ซึ่งอาจเป็นชื่อที่ตั้งมาตั้งแต่เกิด หรืออาจมาเปลี่ยนใหม่ภายหลังก็ได้
2. ชื่อรอง หมายคามว่า ชื่อประกอบถัดจากชื่อตัว
ตั้งขึ้นเพื่อให้ทราบแน่นอนว่าเป็นผู้ใด เพราบ่อยครั้งที่บุคคลมีชื่อตัวซ้ำกัน
แต่คนไทยมักไม่นิยมตั้งชื่อรองกัน
3. ชื่อสกุล หมายความว่า ชื่อประจำวงศ์สกุล
มีขึ้นเพื่อให้สามารถทราบอย่างชัดเจนว่าเป็นเชื้อสายหรือเครือญาติใคร
บุคคลอาจมีชื่อตัวซ้ำกันได้ หากมีชื่อสกุลประกอบอยู่ด้วย
ย่อมสามารถบ่งชี้ได้ว่าบุคคลที่มีชื่อตัวซ้ำกันนั้นหมายถึงใคร
หลักเกณฑ์การตั้งชื่อตัวและชื่อรอง
1. ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย พระนามของพระราชินี
หรือราชทินนาม
2. ต้องไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย
3. ผู้ได้รับหรือเคยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
แต่ได้ออกจากบรรดาศักดิ์นั้นโดยมิได้ถูกถอน
จะใช้ราชทินนามตามบรรดาศักดิ์เป็นชื่อตัวหรือชื่อรองก็ได้
4. ชื่อหนึ่งให้มีคำรวมกันไม่เกิน 5 พยางค์
(เดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 3 พยางค์)
5. ต้องมีที่มาหรือความหมายที่ดี
ซึ่งความหมายในที่นี้มิได้จำกัดเฉพาะที่ปรากฏในพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถานเท่านั้น แต่ให้หมายรวมถึงพจนานุกรมที่ใช้กันอยู่ทั่วไป และเป็นชื่อที่ตรงตามเพศของเจ้าของ
เช่น หากเป็นผู้ชายไม่ควรที่จะตั้งชื่อที่อ่านหรือฟังดูแล้วเข้าใจว่าเป็นเพศหญิง
หากเป็นผู้หญิงก็ไม่ควรที่จะตั้งชื่อที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นผู้ชาย
หลักเกณฑ์การตั้งชื่อสกุล
1. ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธยหรือพระนามของพระราชินี
2. ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระราชทินนาม
(เว้นแต่เป็นราชทินนามของตนหรือของบุพการีหรือผู้สืบสันดาน)
3. ไม่ซ้ำกับชื่อสกุลที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว
4. ไม่ซ้ำกับชื่อสกุลที่พระมหากษัตริย์พระราชทาน
5. ไม่มีคำหรือความหมายที่หยาบคาย
6. มีพยัญชนะไม่เกิน 10 พยัญชนะ
เว้นแต่เป็นการใช้พระราชทินนามเป็นชื่อสกุล
ชื่อสกุลควรมีความหมายเหมาะสมตามหลักภาษาไทยด้วย
การใช้ชื่อสกุลของผู้หญิง
1. ผู้หญิงที่สมรสแล้วให้ใช้ชื่อสกุลของสามีหรือของตนเองได้
2. ผู้หญิงที่เป็นหม้ายโดยการหย่ากับสามี
จะต้องกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเอง หรือใช้นามสกุลของสามีได้ หากได้รับการยินยอม
3. ผู้หญิงที่เป็นหม้ายโดยการที่สามีตาย
จะยังคงชื่อสกุลของสามีหรือจะกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเองก็ได้
การเปลี่ยนชื่อตัว
บุคคลที่ประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง
หรือชื่อสกุล จะต้องยืนคำร้องต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
หากนายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็จะอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตัว
ชื่อรองหรือจดทะเบียนชื่อสกุลใหม่ได้ แล้วออกหนังสือมอบให้เก็บไว้เป็นหลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว
ชื่อรอง หรือการจดชื่อทะเบียนใหม่
เพื่อใช้อ้างอิงหรือนำไปขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขชื่อตัว ชื่อรอง
หรือชื่อสกุลในเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน
ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ สมุดคู่ฝากเงินธนาคาร เป็นต้น
หลักฐานที่ต้องนำไปแสดง
1. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอเปลี่ยนหรือบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดา
(กรณีที่เปลี่ยนชื่อให้บุตร)
2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่มีชื่อผู้ขอเปลี่ยนชื่อ
หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงการขอเปลี่ยนชื่อสกุลกรณีสมรส
1. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้อง
2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
3. ใบสำคัญการสมรส
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://aruneelpru.wordpress.com/category/กฎหมายในชีวิตประจำวัน/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น